แนวข้อสอบ ท้องถิ่น 100 ข้อ
...................................................
พระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
1. พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. 1 พฤศจิกายน 2508 ข. 2 พฤศจิกายน 2508
ค. 1 ธันวาคม 2508 ง. 2 ธันวาคม 2508
ตอบ ง. 2 ธันวาคม 2508
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2508
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2529 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2543
2. บุคคลใดคือผู้รักษาการพระราชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
มาตรา 4* ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
3. คำว่า เจ้าของที่ดิน หมายความว่า
ก. ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์
ข. ผู้ครอบครองที่ดิน ที่มีกรรมสิทธิ์เท่านั้น
ค. บุคคลหรือคณะบุคคลไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือ
ครอบครองอยู่ในท้องที่ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ค. บุคคลหรือคณะบุคคลไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือครอบครองอยู่ในท้องที่ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน
มาตรา 6 ในพระราชบัญญัตินี้
“ที่ดิน” หมายความว่า พื้นที่ดิน และให้หมายความรวมถึงพื้นที่ที่เป็นภูเขาหรือที่มีน้ำด้วย
“เจ้าของที่ดิน” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล
ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือครอบครองอยู่ในที่ดินที่ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน
“ปี” หมายความว่า ปีปฏิทิน
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
4. คำว่า ที่ดิน หมายความว่า
ก. พื้นที่ดิน ข. พื้นที่เป็นภูเขา
ค. พื้นที่มีน้ำ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
5. บุคคลใดต่อไปนี้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
มาตรา 4* ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
*[มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมฯ พ.ศ. 2524]
6. ให้ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปีนี้จากราคาปานกลางของที่ดิน ตามบัญชี
อัตราภาษีบำรุงท้องที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ภายในเดือนใด
ก. มกราคม ข. มีนาคม
ค. พฤษภาคม ง. ตุลาคม
ตอบ ก. มกราคม
มาตรา 7 ให้ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในวันที่ 1 มกราคมของปีใด มีหน้าที่เสียภาษี บำรุงท้องที่
สำหรับปีนั้นจากราคาปานกลางของที่ดิน ตามบัญชีอัตราภาษีบำรุงท้องที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้
7. ที่ดินต่อไปนี้เจ้าของที่ดินไม่ต้องเสียภาษี
ก. ที่ดินที่ใช้เฉพาะการพยาบาลสาธารณะ การศึกษาหรือการกุศลสาธารณะ
ข. ที่ดินที่ใช้ในการรถไฟ การประปา การไฟฟ้าหรือการท่าเรือของรัฐ หรือที่ใช้เป็นสนามบินของรัฐ
ค. ที่ดินที่ใช้เป็นสุสานและฌาปนสถานสาธารณะโดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 8 เจ้าของที่ดินไม่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดิน ดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินที่เป็นที่ตั้งพระราชวังอันเป็นส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
(2) ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือที่ดินของรัฐที่ใช้ในกิจการของรัฐหรือสาธารณะ
โดยมิได้หาผลประโยชน์
(3) ที่ดินของราชการส่วนท้องถิ่นที่ใช้ในกิจการของราชการส่วนท้องถิ่นหรือสาธารณะ
โดยมิได้หาผลประโยชน์
(4) ที่ดินที่ใช้เฉพาะการพยาบาลสาธารณะ การศึกษา หรือการกุศลสาธารณะ
(5) ที่ดินที่ใช้เฉพาะศาสนกิจศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของวัด ไม่ว่าจะใช้
ประกอบศาสนกิจศาสนาใดศาสนาหนึ่งหรือไม่ หรือที่ศาลเจ้า โดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน
*(6) ที่ดินที่ใช้เป็นสุสานและฌาปนสถานสาธารณะโดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน
*(7) ที่ดินที่ใช้ในการรถไฟ การประปา การไฟฟ้าหรือการท่าเรือของรัฐ หรือที่ใช้เป็นสนามบินของรัฐ
*[แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 156 ลงวันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2515]
(8) ที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรียนที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินอยู่แล้ว
(9) ที่ดินของเอกชนเฉพาะส่วนที่เจ้าของที่ดินยินยอมให้ทางราชการจัดใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยเจ้าของที่ดินมิได้ใช้หรือหาผลประโยชน์ในที่ดินเฉพาะส่วนนั้น
(10) ที่ดินที่เป็นที่ตั้งที่ทำการขององค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศอื่น ในเมื่อประเทศไทยมีข้อผูกพันให้ยกเว้นตามอนุสัญญาหรือความตกลง
(11) ที่ดินที่เป็นที่ตั้งที่ทำการของสถานทูต หรือสถานกงสุล ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักถ้อยที ถ้อยปฏิบัติต่อกัน
(12) ที่ดินตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
8. เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวง
ดังต่อไปนี้ ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง
ก. กำหนดผู้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานสำเร็จ
ข. กำหนดวิธีการและสถานที่แจ้งการประเมิน
ค. กำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายอำเภอหรือนายกเทศมนตรี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 8 ทวิ* เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้รัฐมนตรี
อำนาจออกกฎกระทรวง ดังต่อไปนี้
(1) กำหนดผู้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานสำรวจ
(2) กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการตีราคาปานกลางตามมาตรา 14
(3) กำหนดสถานที่เพื่อปฏิบัติการตามมาตรา 18 มาตรา 28 มาตรา 29 และมาตรา 34
*(4) กำหนดเขตท้องที่ตามมาตรา 22(4) *[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมฯ
พ.ศ. 2524]
(5) กำหนดวิธีการและสถานที่แจ้งการประเมินตามมาตรา 33
(6) กำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายอำเภอหรือนายกเทศมนตรี
*[มาตรา 8 ทวิ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516]
9. เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีในเขตเทศบาล
ก. สร้างองค์การบริหารส่วนจังหวัด ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. นายอำเภอ ง. นายอำเภอโดยความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ค. นายอำเภอ
มาตรา 9 เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ในเขตเทศบาล ให้นายกเทศมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงาน
สำรวจ
(2) นอกเขตเทศบาล ให้นายอำเภอท้องที่มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงาน
สำรวจ
10. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการส่งคำสั่งเป็นหนังสือ หนังสือแจ้งการประเมิน
ก. ให้ส่งในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการ
ข. ให้ส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการของผู้รับ หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ค. การไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการของผู้รับให้ส่งให้แก่ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ซึ่งอยู่
ณ ภูมิลำเนาหรืออยู่ในบ้านหรือสถานที่ทำการของผู้นั้น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 12 การส่งคำสั่งเป็นหนังสือ หนังสือแจ้งการประเมิน หรือหนังสืออื่นให้แก่บุคคลใด
ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) ให้ส่งในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการ
(2) ให้ส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการของผู้รับ หรือให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการของผู้รับ ในส่งแก่ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ซึ่งอยู่
ณ ภูมิลำเนา หรืออยู่ในบ้านหรือสถานที่ทำการของผู้นั้น
ถ้าไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกล่าวได้ ให้ปิดหนังสือนั้นไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนา หรือ
สถานที่ทำการของผู้นั้น หรือลงประกาศแจ้งความในหนังสือพิมพ์รายวันอย่างน้อยสองฉบับ หรือโฆษณาด้วยวิธีอื่น
เมื่อได้ปฏิบัติการตามวิธีดังกล่าว และเวลาได้ล่วงพ้นไปไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันที่ปฏิบัติการให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือนั้นแล้ว
11. กรณีที่สั่งโดยวิธีปิดหนังสือนั้นไว้ในที่แลเห็นได้ง่ายให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือนั้นแล้ว เมื่อผ่านพ้นไปกี่วันนับแต่วันที่ปฏิบัติการ
ก. 7 วัน ข. 10 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ก. 7 วัน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
12. การตีราคาปานกลางของที่ดินนั้น ให้นำเอาราคาที่ให้หน่วยที่จะทำการตีราคา ซึ่งซื้อขายกันโดยสุจริต
ครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่าสามรายในระยะเวลาไม่เกินกี่ปีก่อนวันตีราคา มาทำการเฉลี่ยเป็นราคาปานกลาง
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ก. 1 ปี
มาตรา 13 การตีราคาปานกลางของที่ดินนั้น ให้นำเอาราคาที่ดินในหน่วยที่จะทำการตีราคา
ซึ่งซื้อขายกันโดยสุจริตครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่าสามรายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี ก่อนวันตีราคามา
คำนวณถัวเฉลี่ยเป็นราคาปานกลาง โดยมิให้คำนวณราคาโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งเพาะปลูกเข้าด้วย
13. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งให้มีหน้าที่พิจารณาการตีราคาปานกลาง ในกรณีเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ประกอบด้วยบุคคลใดดังต่อไปนี้
ก. ปลัดจังหวัด ข. เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
ค. นายอำเภอท้องที่ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 14* ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งให้มีหน้าที่พิจารณา
การตีราคาปานกลางตามมาตรา 13 คณะกรรมการนั้นให้ประกอบด้วยบุคคลในท้องที่ดังต่อไปนี้
(1) ในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกอบด้วยปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
นายอำเภอท้องที่ ผู้ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมอบหมายหนึ่งคนและผู้ทรงคุณวุฒิสองคน
ซึ่งได้รับเลือกจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(2) ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ประกอบด้วย ปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
นายอำเภอท้องที่ ผู้ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายหนึ่งคน และผู้ทรงคุณวุฒิ
สองคนซึ่งได้รับเลือกจากสภาท้องถิ่น
*[มาตรา 14 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543]
14. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการ
ก. การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของคณะกรรมการที่มีอยู่
ข. การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
ค. ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานที่ประชุม
ง. กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ตอบ ก. การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของคณะกรรมการ
ที่มีอยู่
มาตรา 15 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ต่ำกว่า กึ่งจำนวนของกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม และให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุม
ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
15. ให้คณะกรรมการพิจารณาตีราคาปานกลางของเขตที่ดินทุกระยะเวลากี่ปี
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ง. 4 ปี
มาตรา 16 ให้คณะกรรมการพิจารณาตีราคาปานกลางของที่ดินทุกรอบระยะเวลา สี่ปี
16. ภายหลังการตีราคาปานกลางของที่ดินแล้ว ถ้ามีเหตุแสดงว่าราคาที่ดินในหน่วยใดได้เปลี่ยนแปลงไปมากบุคคลใดมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการทำการพิจารณาตีราคาปานกลางของที่ดินในหน่วยนั้นเสียใหม่ได้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. ปลัดจังหวัด
ตอบ ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
มาตรา 17 ภายหลังการตีราคาปานกลางของที่ดินตามมาตรา 16 แล้ว ถ้ามีเหตุแสดงว่าราคาที่ดินในหน่วยใดได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเห็นสมควรหรือเจ้าของที่ดินร้องขอผู้ว่าราชการจังหวัดจะสั่งให้คณะกรรมการทำการพิจารณาตีราคาปานกลางของที่ดินในหน่วยนั้นเสียใหม่
ก็ได้
17. ภายในเดือนตุลาคมของปีที่จะครบรอบระยะเวลาสี่ปีให้คณะกรรมการยื่นรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
แสดงราคาปานกลางของที่ดินทุกๆ หน่วย และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศราคาปานกลางของที่ดินนั้นไว้ ณ ศาลากลางจังหวัดที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล สำนักงานสุขาภิบาล และที่ตำบลแห่งท้องที่นั้นภายในกำหนดกี่วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการ
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 18 ภายในเดือนตุลาคมของปีที่จะครบรอบระยะเวลาสี่ปีตามมาตรา 16 ให้คณะกรรมการยื่นรายงานการตีราคาปานกลางของที่ดินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแสดงราคาปานกลางของที่ดินทุกๆ หน่วย
และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศราคาปานกลางของที่ดินนั้นไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ
สำนักงานเทศบาล สำนักงานสุขาภิบาล และที่ตำบลแห่งท้องที่นั้น ภายในกำหนดกี่วัน นับแต่วันที่ได้รับ
รายงานจากคณะกรรมการ
18. ในกรณีที่คณะกรรมการได้ทำการตีราคาปานกลางของที่ดินใหม่ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด
ให้คณะกรรมการยื่นรายงานตีราคาใหม่ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศราคา
ปานกลางของที่ดินใหม่ภายในกำหนดเวลาใด นับแต่วันรับรายงาน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 19 ถ้ามีการตีราคาปานกลางของที่ดินใหม่ตามมาตรา 17 ให้คณะกรรมการยื่นรายงาน
การตีราคาใหม่ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศราคาปานกลางของที่ดินใหม่
ภายในระยะเวลาและสถานที่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 18
19. ในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่เห็นพ้องด้วยกับราคาปานกลางของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิอุทธรณ์การตีราคา
ปานกลางของที่ดินต่อบุคคลใด
ก. ปลัดจังหวัด ข. เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
ค. นายอำเภอท้องที่ ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
มาตรา 20 ถ้าเจ้าของที่ดินไม่เห็นพ้องด้วยกับราคาปานกลางของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิอุทธรณ์การตีราคาปานกลางของที่ดินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศราคา
ปานกลางของที่ดิน และให้นำความในหมวด 8 อันว่าด้วยการอุทธรณ์มาใช้บังคับโดยอนุโลม
20. การอุทธรณ์นั้นให้เจ้าของที่ดินอุทธรณ์ต่อบุคคลตามคำถามข้อข้างต้นภายในกำหนดกี่วัน นับแต่วันที่
ประกาศราคาปานกลางของที่ดิน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
พ.ร.บ. ภาษีป้าย พ.ศ. 2510
1. พระราชบัญญัติภาษีป้าย มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. 1 มกราคม 2510 ข. 1 มกราคม 2511
ค. 1 มีนาคม 2510 ง. 1 มีนาคม 2511
ตอบ ข. 1 มกราคม 2511
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2511 เป็นต้นไป
2. ใครเป็นผู้รักษาการตามบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ค. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีป้ายไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัตินี้ และกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
3. ข้อใดต่อไปนี้คือความหมายคำว่าป้าย
ก. ป้ายที่แสดงชื่อ ข. ป้ายแสดงยี่ห้อ
ค. ป้ายที่แสดงเครื่องหมาย ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 6 ในพระราชบัญญัตินี้
ป้าย หมายความว่า ป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้าหรือประกอบ
กิจการอื่นเพื่อหารายได้หรือโฆษณาการค้าหรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ ไม่ว่าจะได้แสดงหรือโฆษณาไว้ที่
วัตถุใดๆ ด้วยอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลัก จารึกหรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น
ราชการส่วนท้องถิ่น หมายความว่า เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัดกรุงเทพ
มหานคร เมืองพัทยา และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นราชการ
ส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัตินี้
เขตราชการส่วนท้องถิ่น หมายความว่า
(1) เขตเทศบาล
(2) เขตสุขาภิบาล
(3) เขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(4) เขตกรุงเทพมหานคร
(5) เขตเมืองพัทยา
(6) เขตองค์การปกครองท้องถิ่นอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นราชการส่วนท้องถิ่น
ผู้บริหารท้องถิ่น หมายความว่า
(1) นายกเทศมนตรี สำหรับในเขตเทศบาล
(2) ประธานกรรมการสุขาภิบาล สำหรับในเขตสุขาภิบาล
(3) ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(4) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร
(5) ปลัดเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมืองพัทยา
(6) หัวหน้าผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การปกครองท้องถิ่นอื่นที่รัฐมนรีประกาศกำหนดให้เป็น
ราชการส่วนท้องถิ่น สำหรับในเขตราชการส่วนท้องถิ่นนั้น
ปี หมายความว่า ปีปฏิทิน
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
4. ในพระราชบัญญัตินี้ ราชการส่วนท้องถิ่นคือ
ก. เทศบาล ข. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ค. กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
5. ข้อใดต่อไปนี้คือผู้บริหารท้องถิ่น
ก. นายกเทศมนตรี สำหรับในเขตเทศบาล
ข. นายก อบจ. สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ค. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
6. เจ้าของป้ายไม่ต้องเสียภาษีป้ายสำหรับป้ายดังต่อไปนี้
ก. ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพแบะบริเวณของโรงมหรสพนั้นเพื่อโฆษณามหรสพ
ข. ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้า หรือที่สิ่งหุ้มห่อหรือบรรจุสินค้า
ค. ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 8 เจ้าของป้ายไม่ต้องเสียภาษีป้ายสำหรับป้ายดังต่อไปนี้
(1) ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพแบะบริเวณของโรงมหรสพนั้นเพื่อโฆษณามหรสพ
(2) ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้า หรือที่สิ่งหุ้มห่อหรือบรรจุสินค้า
(3) ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
(4) ป้ายที่แสดงไว้ที่คน หรือสัตว์
(5) ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่นหรือภายในอาคาร
ซึ่งเป็นที่รโหฐาน ทั้งนี้ เพื่อหารายได้ และแต่ละป้ายมีพื้นที่ไม่เกินที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่รวมถึง
ป้ายตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
(6) ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วย
ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
(7) ป้ายขององค์การที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมาย
ว่าด้วยการนั้นๆ และหน่วยงานที่นำรายได้ส่งรัฐ
(8) ป้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อ
การสหกรณ์ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(9) ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่แสดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรียนเอกชนหรือ
สถาบันอุดมศึกษาเอกชนนั้น
(10) ป้ายของผู้ประกอบการเกษตรซึ่งค้าผลผลิตอันเกิดจากการเกษตรของตน
(11) ป้ายของวัดหรือผู้ดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนาหรือการกุศลสาธารณะโดยเฉพาะ
(12) ป้ายของสมาคมหรือมูลนิธิ
(13) ป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
7. การส่งหนังสือแจ้งการประเมินให้ส่งในเวลาใด
ก. ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ลง หรือเวลาทำการของผู้รับ
ข. วันที่เจ้าพนักงานปฏิบัติราชการ
ค. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการส่ง
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ก. ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ลง หรือเวลาทำการของผู้รับ
มาตรา 11 การส่งคำสั่งเป็นหนังสือ หนังสือแจ้งการประเมิน หรือหนังสืออื่นให้แก่บุคคลใด
ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) ให้ส่งในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของผู้รับ
(2) ให้ส่ง ณ สถานการค้า สถานประกอบกิจการหรือที่อยู่อาศัยของผู้รับ โดยจะส่งทางไปรษณีย์
ลงทะเบียนก็ได้
ถ้าไม่พบผู้รับ ณ สถานการค้า สถานประกอบกิจการ หรือที่อยู่อาศัยของผู้รับ ให้ส่งแก่ผู้บรรลุ
นิติภาวะแล้ว ซึ่งอยู่หรือทำงาน ณ สถานการค้า สถานประกอบกิจการ หรือที่อยู่อาศัยของผู้นั้น
ถ้าไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกล่าวได้ ให้ปิดหนังสือนั้นไว้ในที่เห็นได้ง่าย ณ สถานการค้า
สถานประกอบกิจการ หรือที่อยู่อาศัยของผู้นั้น หรือลงประกาศแจ้งความในหนังสือพิมพ์รายวันอย่างน้อย
สองฉบับ เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีนี้แล้ว และเวลาได้ล่วงพ้นไปไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน นับแต่วันที่ปฏิบัติการให้
ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือนั้นแล้ว
8. กรณีคำสั่งโดยวิธีปิดหนังสือไว้ในที่เห็นได้ง่าย ณ สถานการค้า สถานประกอบกิจการ หรือที่อยู่อาศัยของ
ผู้อื่น ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือเมื่อล่วงพ้นไปแล้วกี่วันนับแต่วันปฏิบัติ
ก. 7 วัน ข. 10 วัน
ค. 15 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ก. 7 วัน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
9. ให้เจ้าของป้ายซึ่งจะต้องเสียภาษี ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายตามแบบในเดือนใดของปี
ก. มีนาคม ข. เมษายน
ค. พฤษภาคม ง. มิถุนายน
ตอบ ก. มีนาคม
มาตรา 12 ให้เจ้าของป้ายซึ่งจะต้องเสียภาษีป้าย ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายตามแบบและวิธีการ
ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด ภายในเดือนมีนาคมของปี
ในกรณีที่เจ้าของป้ายอยู่นอกประเทศไทย ให้ตัวแทนหรือผู้แทนในประเทศไทยมีหน้าที่ยื่นแบบ
แสดงรายการภาษีป้ายแทนเจ้าของป้าย
10. ในกรณีที่เจ้าของป้ายเป็นผู้ไม่อยู่ให้บุคคลใดเป็นผู้ยื่น
ก. ผู้จัดการมรดก ข. ผู้ครอบครองทรัพย์
ค. ผู้จัดการทรัพย์สิน ง. ผู้พิทักษ์
ตอบ ข. ผู้ครอบครองทรัพย์
มาตรา 13 ถ้าเจ้าของป้ายตาย เป็นผู้ไม่อยู่ เป็นคนสาบสูญ เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเป็นคน
เสมือนไร้ความสามารถ ให้ผู้จัดการมรดก ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกไม่ว่าจะเป็นทายาทหรือผู้อื่น ผู้จัดการ
ทรัพย์สิน ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี มีหน้าที่ปฏิบัติการตามมาตรา 12 แทนเจ้าของป้าย
11. เจ้าของป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงป้ายจะต้องเสียภาษีภายหลังเดือนมีนาคม ต้องยื่นแบบแสดงภาษีต่อเจ้าหน้าที่
ภายในกี่วันนับแต่วันติดตั้งหรือแสดง
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ก. 15 วัน
มาตรา 14 เจ้าของป้ายผู้ใด
(1) ติดตั้งหรือแสดงป้ายอันต้องเสียภาษีภายหลังเดือนมีนาคม
(2) ติดตั้งหรือแสดงป้ายใหม่แทนป้ายเดิมและมีพื้นที่ ข้อความ ภาพ และเครื่องหมายอย่างเดียวกับ
ป้ายเดิมที่ได้เสียภาษีป้ายแล้ว
(3) เปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้าย ข้อความ ภาพ หรือเครื่องหมายบางส่วนในป้ายที่ได้เสียภาษี
ป้ายแล้ว อันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่มขึ้น
ให้เจ้าของป้ายตาม (1) (2) หรือ (3) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน
สิบห้าวันนับแต่วันที่ติดตั้งหรือแสดงป้าย หรือนับแต่วันเปลี่ยนแปลง แก้ไข ข้อความ ภาพ หรือเครื่องหมาย
ในป้ายเดิม แล้วแต่กรณี
12. ในกรณีที่มีการโอนป้าย ให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนเป็นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดกี่วันนับแต่
วันรับโอน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 16 ในกรณีที่มีการโอนย้าย ให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ภายในสามสิบวันนับแต่วันรับโอน
13. ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีผู้ยื่นแบบแสดงรายการสำหรับภาษีป้ายใด เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่อาจเจอเจ้าของป้ายนั้นได้ให้ถือว่าบุคคลใดเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี
ก. ผู้ครอบครอง ข. เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารที่ป้ายตั้งอยู่
ค. เจ้าของที่ดินที่ป้ายตั้งอยู่ ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก. ผู้ครอบครอง
มาตรา 18 ในกรณีที่ปรากฏแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีผู้ยื่นแบบแสดงรายการสำหรับภาษีป้ายใดมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจหาตัวเจ้าของป้ายนั้นได้ ให้ถือว่าผู้ครอบครองป้ายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายถ้าไม่อาจหาตัวผู้ครอบครองป้ายนั้นได้ ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือที่ดินที่ป้ายนั้นติดตั้งหรือแสดงอยู่ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายตามลำดับ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมินภาษีป้ายเป็นหนังสือไปยังบุคคลดังกล่าว
14. ภาษีป้ายให้ชำระภายในกำหนดกี่วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ก. 15 วัน ข. 20 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
ตอบ ก. 15 วัน
มาตรา 19 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายชำระภาษีป้ายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายไว้ หรือ ณ สถานที่อื่นใดที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด ทั้งนี้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้
รับแจ้งการประเมิน และให้ถือว่าวันที่ชำระภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นวันชำระภาษีป้าย
การชำระภาษีป้ายจะกระทำโดยวิธีการส่งธนาณัติหรือตั๋วแลกเงินของธนาคารที่สั่งจ่ายเงินให้แก่
ราชการส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ไปยังสถานที่ตามวรรคหนึ่ง โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือส่งโดยวิธีอื่น
ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดแทนการชำระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ได้ และให้ถือว่าวันที่ได้ทำการส่ง
ดังกล่าวเป็นวันชำระภาษีป้าย
15. ภาษีป้ายที่ต้องชำระ
ก. 2,000 บาทขึ้นไป ข. 3,000 บาทขึ้นไป
ค. 4,000 บาทขึ้นไป ง. 5,000 บาทขึ้นไป
ตอบ ข. 3,000 บาทขึ้นไป
มาตรา 19 ทวิ ถ้าภาษีป้ายที่ต้องชำระมีจำนวนตั้งแต่สามพันบาทขึ้นไป ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายจะขอ
ผ่อนชำระเป็นสามงวด งวดละเท่าๆ กันก็ได้ โดยแจ้งความจำนงเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อน
ครบกำหนดเวลาชำระภาษีตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง
การผ่อนชำระภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ชำระงวดที่หนึ่งก่อนครบกำหนดเวลาชำระภาษีตามมาตรา 19
วรรคหนึ่ง งวดที่สองภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่หนึ่ง และงวดที่สามภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง
ถ้าผู้ขอผ่อนชำระภาษีไม่ชำระภาษีป้ายงวดหนึ่งงวดใดภายในกำหนดเวลาตามวรรคสองให้หมดสิทธิ
ที่จะขอผ่อนชำระภาษี และให้นำมาตรา 25(3) มาใช้บังคับสำหรับงวดที่ยังมิได้ชำระ
16. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับภาษีค้างชำระ
ก. ถ้ามิได้ชำระภายในเวลาที่กำหนด
ข. เจ้าหน้าที่สามารถยึดอายัดได้โดยไม่ต้องขอให้ศาลสั่งหรือออกหมายปิด
ค. การยึดจะทำได้ต่อเมื่อมีการเตือนเป็นหนังสือไปยังผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายชำระภายใน 7 วัน นับแต่วัน
รับหนังสือ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 21 ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ยึดหรืออายัดและขายทอดตลาด
ทรัพย์สินของผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายที่ค้างชำระ เพื่อนำเงินมาชำระค่าภาษีป้าย ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
โดยมิต้องขอให้ศาลสั่งหรือออกหมายยึด ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
17. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับเงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาด
ก. ให้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการยึด อายัดหรือการขายทอดตลาด
ข. กรณีที่หักค่าใช้จ่ายแล้วนำไปชำระค่าภาษีป้าย
ค. กรณีที่ได้ชำระค่าภาษีป้ายแล้ว ถ้ายังมีเงินเหลืออยู่ให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์สินนั้น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 22 เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการยึด อายัด หรือ
ขายทอดตลาด เหลือเท่าใดให้ชำระเป็นค่าภาษีป้าย ถ้ายังมีเงินเหลืออยู่อีกให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์สินนั้น
18. ผู้ใดเสียภาษีโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย หรือเสียเกินที่จะต้องเสียสามารถยื่นขอรับเงินคืนได้ภายในกำหนดเวลา
นับแต่วันที่เสียภาษีป้าย
ก. 3 เดือน ข. 6 เดือน
ค. 9 เดือน ง. 1 ปี
ตอบ ง. 1 ปี
มาตรา 24 ผู้ใดเสียภาษีป้ายโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสียหรือเสียเกินกว่าที่ควรต้องเสีย ผู้นั้นมีสิทธิได้รับ
เงินคืน
การขอรับเงินคืน ให้ยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายภายในหนึ่งปี
นับแต่วันที่เสียภาษีป้าย ในการนี้ให้ผู้ยื่นคำร้องส่งเอกสาร หลักฐานหรือคำชี้แจงใดๆ ประกอบคำร้องด้วย
เมื่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายเห็นว่าผู้ยื่นคำร้องมีสิทธิได้รับเงินคืน
ให้สั่งคืนเงินให้โดยเร็ว และแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบเพื่อมาขอรับเงินคืนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
การกระทำใดๆ เพื่อให้เสียภาษีป้ายน้อยลงกว่าที่ได้เสียไปแล้ว ให้มีผลเมื่อเริ่มต้นปีภาษีป้าย
19. ผู้ใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเวลากำหนดต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราใดของจำนวนเงิน
ที่ต้องเสีย
ก. ร้อยละ 5 ข. ร้อยละ 10
ค. ร้อยละ 25 ง. ร้อยละ 30
ตอบ ข. ร้อยละ 10
มาตรา 25 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายเสียเงินเพิ่มนอกจากเงินที่ต้องเสียภาษีป้ายในกรณีและอัตรา
ดังต่อไปนี้
(1) ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของจำนวนเงิน
ที่ต้องเสียภาษีป้าย เว้นแต่กรณีที่เจ้าของป้ายได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายก่อนที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะได้
แจ้งให้ทราบถึงการละเว้นนั้นให้เสียเงินเพิ่มร้อยละห้าของจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีป้าย
(2) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ทำให้จำนวนเงินที่จะต้องเสียภาษีป้ายลดน้อยลง
ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติม เว้นแต่กรณีที่เจ้าของป้ายได้มาขอแก้ไขแบบแสดง
รายการภาษีป้ายให้ถูกต้องก่อนที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมิน
(3) ไม่ชำระภาษีป้ายภายในเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้อง
เสียภาษีป้าย เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน ทั้งนี้ไม่ให้นำเงินเพิ่มตาม (1) และ (2) มาคำนวณเป็นเงินเพิ่ม
ตามอนุมาตรานี้ด้วย
20. กรณีที่ไม่ชำระภาษีภายในกำหนด ให้เสียเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละเท่าใดต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้องเสีย
ก. ร้อยละ 2 ต่อเดือน ข. ร้อยละ 3 ต่อเดือน
ค. ร้อยละ 4 ต่อเดือน ง. ร้อยละ 5 ต่อเดือน
ตอบ ก. ร้อยละ 2 ต่อเดือน
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารสภาตำบลพ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546
1. พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 2 มกราคม 2532
ข. 12 มกราคม 2532
ค. 2 ธันวาคม 2537
ง. 22 ธันวาคม 2537
ตอบ ค. พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2537
2. พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อ
ก. พ้นกำหนด เก้าสิบวันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข. พ้นกำหนด หนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ค. พ้นกำหนด หนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. พ้นกำหนด สองร้ยสี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ก. พรบ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 2 พ้นกำหนด เก้าสิบวันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
3. มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้บัญญัติให้ยกเลิกกฎหมายใด
ก. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326
ข. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 327
ค. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 328
ง. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 316
ตอบ ง. พรบ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 3 ให้ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
4. คำว่า “หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น” มิได้รวมถึงข้อใด
ก. เทศบาล
ข. สุขาภิบาล
ค. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ค. “หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า เทศบาล สุขาภิบาล และราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้น แต่ไม่รวมถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัด
5. ผู้ใดไม่ใช่สมาชิกสภาตำบล ตามความหมายในพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล
ก. กำนัน
ข. ผู้ใหญ่บ้าน
ค. แพทย์ประจำตำบล
ง. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ตอบ ง. มาตรา 7 สภาตำบลประกอบด้วยสมาชิกโดยตำแหน่ง ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้านในตำบล และแพทย์ประจำตำบล และสมาชิกซึ่งได้รับเลือกตั้งจากราษฎรในแต่ละหมู่บ้านในตำบลนั้นเป็นสมาชิกสภาตำบลหมู่บ้านและหนึ่งคน
6. บุคคลใด เป็นสมาชิกสภาตำบลโดยตำแหน่ง
ก. กำนัน
ข. แพทย์ประจำตำบล
ค. ผู้ใหญ่บ้าน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 7 สภาตำบลประกอบด้วยสมาชิกโดยตำแหน่ง ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้านในตำบล และแพทย์ประจำตำบล และสมาชิกซึ่งได้รับเลือกตั้งจากราษฎรในแต่ละหมู่บ้านในตำบลนั้นเป็นสมาชิกสภาตำบลหมู่บ้านและหนึ่งคน
7. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. นายอำเภอ
ข. ผู้ใหญ่บ้าน
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
8. ผู้ใดมีหน้าที่จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบลได้
ก. นายอำเภอ
ข. ผู้ใหญ่บ้าน
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. มาตรา 10 ให้นายอำเภอจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดในระเบียบของกระทรวงมหาดไทย
9. สมาชิกสภาตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
ตอบ ค. มาตรา 11 สมาชิกสภาตำบลที่ได้รับเลือกตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง
10. บุคคลใดเป็นประธานสภาตำบลโดยตำแหน่ง
ก. กำนัน
ข. ผู้ใหญ่บ้าน
ค. แพทย์ประจำตำบล
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. กำนัน
มาตรา 16 สภาตำบลมีกำนันเป็นประธานสภาตำบลคนหนึ่ง ซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งจากสมาชิกสภาตำบลตามมติของสภาตำบล
11. รองประธานสภาตำบลมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
ตอบ ค. 4 ปี
มาตรา 16 วรรค 2 รองประธานสภาตำบลมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี
12. เมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งว่างลง เพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระหรือมีการยุบสภาตำบล ให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายในกำหนดกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 60 วัน
ค. 90 วัน
ง. 120 วัน
ตอบ ข. 60 วัน
มาตรา 14 เมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลที่ได้รับเลือกตั้งว่างลง เพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระหรือมีการยุบสภาตำบล ให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง เว้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่ดำเนินการเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้
13. ในการประชุมสภาตำบลในหนึ่งเดือนต้องมีไม่น้อยกว่ากี่ครั้งและในแต่ละครั้งจะต้องมีสมาชิกสภาตำบลจำนวนเท่าใดเข้าประชุมจึงจะเป็นองค์ประชุม
ก. 1 ครั้ง , หนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่
ข. 2 ครั้ง , สองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่
ค. 1 ครั้ง , ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาตำบลทั้งหมดที่มีอยู่
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. 1 ครั้ง , ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาตำบลทั้งหมดที่มีอยู่
มาตรา 18 ให้มีการประชุมสภาตำบลไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง การประชุมต้องมีสมาชิกสภาตำบลมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาตำบลทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จึงเป็นองค์ประชุม
14. ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ บุคคลใดเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. สมาชิกสภาตำบล
ข. เลขานุการสภาตำบล
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ง. สมาชิกสภาตำบล และเลขานุการสภาตำบล
ตอบ ง. สมาชิกสภาตำบล และเลขานุการสภาตำบล
มาตรา 21 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้สมาชิกสภาตำบลและเลขานุการสภาตำบลเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
15. เมื่อสภาตำบลจะทำกิจการนอกเขตสภาตำบล หรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยงานส่วนราชการท้องถิ่นอื่น ต้องได้รับความเห็นชอบจากบุคคลใด
ก. สมาชิกสภาตำบล
ข. สภาตำบลอื่น
ค. หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น
ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
มาตรา 28 เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด สภาตำบลอาจนำกิจการนอกเขตสภาตำบล หรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือจบเทียบเท่าราชการอื่น เพื่อทำกิจการร่วมก็ได้ เมื่อได้รับความยินยอมจากสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกร้อง และกิจการนั้นเป็นกิจการที่จำเป็นต้องทำและเป็นการเกี่ยวเนื่องกับกิจการที่มีอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน
16. ทุกปีงบประมาณให้รัฐบาลจัดสรรเงินให้แก่สภาตำบลเป็นเงิน
ก. ช่วยเหลือ
ข. อุดหนุน
ค. ทุนสำรอง
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ข. อุดหนุน
มาตรา 30 ทุกปีงบประมาณให้รัฐบาลจัดสรรเงินให้แก่สภาตำบลเป็นเงินอุดหนุน
17. ข้อใดเป็นรายได้ของสภาตำบล
ก. รายได้จากทรัพย์สินของสภาตำบล
ข. รายได้จากสาธารณูปโภคของสภาตำบล
ค. เงินและทรัพย์สินอื่นที่มีผู้อุทิศให้
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
18. รายได้ของสภาตำบลให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีให้ตกเป็น
ก. พระราชบัญญัติ
ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา
มาตรา 32 รายงานของสภาตำบล ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี โดยให้ตรงเป็นพระราชกฤษฎีกาตามประมวลรัษฎากร และไม่ต้องนำส่งครั้งเป็นรายได้แผ่นดิน
19. ใครเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบล
ก. นายสมหมาย มีสัญชาติไทย โดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้ว 3 ปี
ข. นางสำรวย มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์
ค. นายบุเรงนอง มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในตำบลนั้นเป็นเวลาติดต่อกัน 120 วัน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบล ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีสัญชาติไทย แต่บุคคลที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง
3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
20. ผู้มีสิทธิสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาตำบลต้องเป็นผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรในหมู่บ้านของตำบลที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่า 3 เดือนจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ข. ไม่น้อยกว่า 6 เดือนจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ค. ไม่น้อยกว่า 1 ปีจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ง. ไม่น้อยกว่า 2 ปีจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ตอบ ค. มาตรา 9 ดูคำอธิบายจากข้อข้างต้น
กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒
1. พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ 2542 บังคับใช้วันที่
ก. 16 พฤศจิกายน 2542 ข. 17 พฤษภาคม 2542
ค. 18 พฤษภาคม 2542 ง. 19 พฤศจิกายน 2542
ตอบ ข้อ ค. 18 พฤศจิกายน 2542
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 2 (ใช้บังคับวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (*รก.2552/114ก/48 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2542)
2. คณะกรรมการตาม พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ 2542 หมายความว่า
ก. คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข. คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ง. กรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตอบ. ข. คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อธิบายเพิ่มเติม ตามมาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
3. ใครไม่ได้เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ 2542
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ง. รัฐมนตรีว่าการทรวงอุตสาหกรรม
ตอบ ง. รัฐมนตรีว่าการทรวงอุตสาหกรรม
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของตนและมีอำนาจออกกฎกระทรวง และระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
4. คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีทั้งหมดกี่คน
ก. 24 คน ข. 36 คน
ค. 40 คน ง. 42 คน
ตอบ ข. 36 คน
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา ๖ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
5. ใครเป็นประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย
ง. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ค. นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 6 (1) นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน
6. ใครไม่ได้เป็นคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ก. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ค. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ง. ปลัดกระทรวงกลาโหม
ตอบ ง. ปลัดกระทรวงกลาโหม
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 6 (2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
7. คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิมี
ทั้งหมดกี่คน
ก. 12 คน ข. 14 คน
ค. 16 คน ง. 18 คน
ตอบ ก. 12 คน
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 6 (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสิบสองคน
8. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 4 ปี วาระเดียว ข. 4 ปีแต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
ค. 6 ปี วาระเดียว ง. 3 ปี วาระเดียว
ตอบ ข. 4 ปีแต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 9 กรรมการตามมาตรา 6 (4) มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับสรรหาเป็นกรรมการอีกได้ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
9. ผู้แทนคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีจำนวนกี่คน
ก. 2 คน ข. 3 คน
ค. 4 คน ง. ขึ้นอยู่กับจำนวน อบต.ทั่วประเทศ
ตอบ ก. 2 คน
อธิบายเพิ่มเติม มาตรามาตรา 6 (3)
10. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีอายุไม่ต่ำไม่ต่ำกว่ากี่ปี
ก. 30 ปี ข. 35 ปี
ค. 40 ปี ง. 45 ปี
ตอบ ข. 35 ปี
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 7 (2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์
11. บุคคลที่สามารถเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้
ก. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ข. เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
ค. เป็นอาจารย์ที่สอนในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
ง. บุคคลที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
ตอบ ค. เป็นอาจารย์ที่สอนในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 7 (3) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เว้นแต่เป็นผู้สอนในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
12. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาจาก
ก. การสรรหา ข. การเลือกตั้ง
ค. การแต่งตั้ง ง. การคัดเลือก
ตอบ ก. การสรรหา
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 6 (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสิบสองคนทั้งนี้ มาจากการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
13. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ก. กำหนดคุณสมบัติในการแต่งตั้งข้าราชการ
ข. จัดทำแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. ปรับปรุงสัดส่วนภาษีและอากร
ง. พิจารณาหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความจำเป็น
ตอบ ก. กำหนดคุณสมบัติในการแต่งตั้งข้าราชการ
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 12
14. ให้มีสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ในหน่วยงานใด
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี
ข. สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
ค. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ง. สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ตอบ ค. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 15 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ
(๒) รวบรวมข้อมูล ศึกษา และวิเคราะห์เกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการ
(๓) ร่วมมือและประสานงานกับราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
(๔) ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
15. ข้อใดเป็นอำนาจหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด
ก. การจัดตั้งแลดูแลตลาดกลาง ข. การส่งเสริม การฝึก และการประกอบอาชีพ
ค. การสาธารณูปโภค ง. การควบคุมอาคาร
ตอบ ก. การจัดตั้งแลดูแลตลาดกลาง
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 16 ให้เทศบาล เมืองพัทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง
16. อบต.หรือเทศบาลอื่นที่อยู่ภายในจังหวัดที่มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ตามสัมปทานจะได้รับการจัดสรรเงินค่าภาคหลวงปิโตรเลียมที่จัดเก็บภายในเขต ได้ไม่เกินร้อยละเท่าใด
ก. ร้อยละ 10 ข. ร้อยละ 20
ค. ร้อยละ 30 ง. ร้อยละ 40
ตอบ ก. ร้อยละ 10
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 23 (13) (ข) องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาลอื่นที่อยู่ภายในจังหวัดที่มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ตามสัมปทาน ให้ได้รับการจัดสรรในอัตราร้อยละสิบของเงินค่าภาคหลวงปิโตรเลียมที่จัดเก็บได้ภายในเขต
17. รายรับขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่นข้อใดต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
ก. เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ข. รายได้จากทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. รายได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
ง. ค่าบริการ
ตอบ ค. รายได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
18. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินถ่ายโอนภารกิจที่รัฐจัดให้บริหารในเขต อปท. ภายในกี่ปี
ก. ภายใน 4 ปี ข. ภายใน 6 ปี
ค. ภายใน 8 ปี ง. ภายใน 1 ปี นับแต่ที่ พรบ. บังคับ
ตอบ ก. ภายใน 4 ปี
19. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลจะต้องดำเนินการให้เสร็จสินภายในกี่ปี
ก. ภายใน 2 ปี ข. ภายใน 4 ปี
ค. ภายใน 6 ปี ง. ภายใน 8 ปี
ตอบ ข. ภายใน 4 ปี
20. พรบ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ 2542 ให้แก้ไขคำว่า “อธิบดีกรมการปกครอง” เปลี่ยนเป็นอะไร
ก. กรมการปกครอง ข. อธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. อธิบดีกรมการปกครอง ง. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ตอบ ง. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
อธิบายเพิ่มเติม มาตรา ๓๗ ในพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้แก้ไขคำว่า “อธิบดีกรมการปกครอง” เป็น “อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น”
พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารสภาตำบลพ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546
1. พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
จ. 2 มกราคม 2532
ฉ. 12 มกราคม 2532
ช. 2 ธันวาคม 2537
ซ. 22 ธันวาคม 2537
ตอบ ค. พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2537
2. พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อ
จ. พ้นกำหนด เก้าสิบวันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ฉ. พ้นกำหนด หนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ช. พ้นกำหนด หนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ซ. พ้นกำหนด สองร้ยสี่สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ก. พรบ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 2 พ้นกำหนด เก้าสิบวันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
3. มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้บัญญัติให้ยกเลิกกฎหมายใด
จ. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326
ฉ. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 327
ช. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 328
ซ. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 316
ตอบ ง. พรบ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 3 ให้ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
4. คำว่า “หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น” มิได้รวมถึงข้อใด
จ. เทศบาล
ฉ. สุขาภิบาล
ช. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ซ. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ค. “หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า เทศบาล สุขาภิบาล และราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้น แต่ไม่รวมถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัด
5. ผู้ใดไม่ใช่สมาชิกสภาตำบล ตามความหมายในพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล
จ. กำนัน
ฉ. ผู้ใหญ่บ้าน
ช. แพทย์ประจำตำบล
ซ. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ตอบ ง. มาตรา 7 สภาตำบลประกอบด้วยสมาชิกโดยตำแหน่ง ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้านในตำบล และแพทย์ประจำตำบล และสมาชิกซึ่งได้รับเลือกตั้งจากราษฎรในแต่ละหมู่บ้านในตำบลนั้นเป็นสมาชิกสภาตำบลหมู่บ้านและหนึ่งคน
6. บุคคลใด เป็นสมาชิกสภาตำบลโดยตำแหน่ง
จ. กำนัน
ฉ. แพทย์ประจำตำบล
ช. ผู้ใหญ่บ้าน
ซ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. มาตรา 7 สภาตำบลประกอบด้วยสมาชิกโดยตำแหน่ง ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้านในตำบล และแพทย์ประจำตำบล และสมาชิกซึ่งได้รับเลือกตั้งจากราษฎรในแต่ละหมู่บ้านในตำบลนั้นเป็นสมาชิกสภาตำบลหมู่บ้านและหนึ่งคน
7. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
จ. นายอำเภอ
ฉ. ผู้ใหญ่บ้าน
ช. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ซ. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
8. ผู้ใดมีหน้าที่จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบลได้
จ. นายอำเภอ
ฉ. ผู้ใหญ่บ้าน
ช. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ซ. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. มาตรา 10 ให้นายอำเภอจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดในระเบียบของกระทรวงมหาดไทย
9. สมาชิกสภาตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
จ. 2 ปี
ฉ. 3 ปี
ช. 4 ปี
ซ. 5 ปี
ตอบ ค. มาตรา 11 สมาชิกสภาตำบลที่ได้รับเลือกตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง
10. บุคคลใดเป็นประธานสภาตำบลโดยตำแหน่ง
จ. กำนัน
ฉ. ผู้ใหญ่บ้าน
ช. แพทย์ประจำตำบล
ซ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. กำนัน
มาตรา 16 สภาตำบลมีกำนันเป็นประธานสภาตำบลคนหนึ่ง ซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งจากสมาชิกสภาตำบลตามมติของสภาตำบล
11. รองประธานสภาตำบลมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
จ. 2 ปี
ฉ. 3 ปี
ช. 4 ปี
ซ. 5 ปี
ตอบ ค. 4 ปี
มาตรา 16 วรรค 2 รองประธานสภาตำบลมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี
12. เมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลซึ่งได้รับเลือกตั้งว่างลง เพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระหรือมีการยุบสภาตำบล ให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายในกำหนดกี่วัน
จ. 30 วัน
ฉ. 60 วัน
ช. 90 วัน
ซ. 120 วัน
ตอบ ข. 60 วัน
มาตรา 14 เมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาตำบลที่ได้รับเลือกตั้งว่างลง เพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระหรือมีการยุบสภาตำบล ให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง เว้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่ดำเนินการเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้
13. ในการประชุมสภาตำบลในหนึ่งเดือนต้องมีไม่น้อยกว่ากี่ครั้งและในแต่ละครั้งจะต้องมีสมาชิกสภาตำบลจำนวนเท่าใดเข้าประชุมจึงจะเป็นองค์ประชุม
จ. 1 ครั้ง , หนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่
ฉ. 2 ครั้ง , สองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่
ช. 1 ครั้ง , ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาตำบลทั้งหมดที่มีอยู่
ซ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. 1 ครั้ง , ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาตำบลทั้งหมดที่มีอยู่
มาตรา 18 ให้มีการประชุมสภาตำบลไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง การประชุมต้องมีสมาชิกสภาตำบลมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาตำบลทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จึงเป็นองค์ประชุม
14. ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ บุคคลใดเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อใดถูกต้องที่สุด
จ. สมาชิกสภาตำบล
ฉ. เลขานุการสภาตำบล
ช. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ซ. สมาชิกสภาตำบล และเลขานุการสภาตำบล
ตอบ ง. สมาชิกสภาตำบล และเลขานุการสภาตำบล
มาตรา 21 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้สมาชิกสภาตำบลและเลขานุการสภาตำบลเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
15. เมื่อสภาตำบลจะทำกิจการนอกเขตสภาตำบล หรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยงานส่วนราชการท้องถิ่นอื่น ต้องได้รับความเห็นชอบจากบุคคลใด
จ. สมาชิกสภาตำบล
ฉ. สภาตำบลอื่น
ช. หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น
ซ. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
มาตรา 28 เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด สภาตำบลอาจนำกิจการนอกเขตสภาตำบล หรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือจบเทียบเท่าราชการอื่น เพื่อทำกิจการร่วมก็ได้ เมื่อได้รับความยินยอมจากสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกร้อง และกิจการนั้นเป็นกิจการที่จำเป็นต้องทำและเป็นการเกี่ยวเนื่องกับกิจการที่มีอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน
16. ทุกปีงบประมาณให้รัฐบาลจัดสรรเงินให้แก่สภาตำบลเป็นเงิน
จ. ช่วยเหลือ
ฉ. อุดหนุน
ช. ทุนสำรอง
ซ. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ข. อุดหนุน
มาตรา 30 ทุกปีงบประมาณให้รัฐบาลจัดสรรเงินให้แก่สภาตำบลเป็นเงินอุดหนุน
17. ข้อใดเป็นรายได้ของสภาตำบล
จ. รายได้จากทรัพย์สินของสภาตำบล
ฉ. รายได้จากสาธารณูปโภคของสภาตำบล
ช. เงินและทรัพย์สินอื่นที่มีผู้อุทิศให้
ซ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
18. รายได้ของสภาตำบลให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีให้ตกเป็น
จ. พระราชบัญญัติ
ฉ. พระราชกฤษฎีกา
ช. พระราชกำหนด
ซ. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา
มาตรา 32 รายงานของสภาตำบล ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี โดยให้ตรงเป็นพระราชกฤษฎีกาตามประมวลรัษฎากร และไม่ต้องนำส่งครั้งเป็นรายได้แผ่นดิน
19. ใครเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบล
จ. นายสมหมาย มีสัญชาติไทย โดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้ว 3 ปี
ฉ. นางสำรวย มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์
ช. นายบุเรงนอง มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในตำบลนั้นเป็นเวลาติดต่อกัน 120 วัน
ซ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบล ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
4. มีสัญชาติไทย แต่บุคคลที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
5. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง
6. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
20. ผู้มีสิทธิสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาตำบลต้องเป็นผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรในหมู่บ้านของตำบลที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเท่าใด
จ. ไม่น้อยกว่า 3 เดือนจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ฉ. ไม่น้อยกว่า 6 เดือนจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ช. ไม่น้อยกว่า 1 ปีจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ซ. ไม่น้อยกว่า 2 ปีจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
ตอบ ค. มาตรา 9 ดูคำอธิบายจากข้อข้างต้น
หน้าที่เข้าชม | 33,509 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 26,827 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 มี.ค. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |